วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ดอกไม้แห่งความรัก

ดอกไม้ " วันวาเลนไทน์ " ..
มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลาย รูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย
กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
กุหลาบดำ หมายถึง ความรักนิรันดร์
กุหลาบแดง (red rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ" การให้ดอกกุหลาบแดงกับคนที่รักความ หมายถึงความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง กุหลาบแดงจึงมักจะเป็นดอกไม้ ที่ชายหนุ่มให้หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน
กุหลาบขาว (white rose) : สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธ์ กุหลาบขาวจึงแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ดังนั้นมันจึงสามารถใช้แทนความรักของคนต่างวัย ความรักต่อพ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจได้
กุหลาบชมพู (pink rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน การให้ดอกกุหลาบสีชมพูสามารถแสดงถึงความรัก ที่กำลังเริ่มงอกงามในใจ และสามารถพัฒนาต่อไปเป็นความรักที่ลึกซึ้งได้
กุหลาบเหลือง (yellow rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส กุหลาบสีเหลืองถูกใช้สำหรับแทนความรักแบบเพื่อน และความ สนุกสนานรื่นเริงจึงมักจะนำมันมาประดับตะกร้าสำหรับเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อทำให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นรื่นเริงขึ้นนั่นเอง
สำหรับดอกไม้อื่น ๆ ที่ถูกมาใช้แทนความหมายแห่งความรักก็มี ดอกทิวลิบสีแดง (red tulib) ชาวตะวันตกใช้มันแทนการประกาศความรัก อย่างเปิดเผย คล้าย ๆ กับดอกกุหลาบแดง
ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (pink carnation) ใช้สื่อความหมายว่า "ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ" หรือ "คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ"
ดอกลิลลี่สีขาว (white lilly) แสดงความรักแบบบริสุทธ์ เช่นเดียวกันกับดอกกุหลาบขาว นอกจากนั้นลิลลี่สีขาวยังแสดงถึงความรักแบบอ่อนหวานจริงใจ และเทอดทูน และมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า "ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้ได้รู้จัก และอยู่ใกล้คุณ "
สำหรับดอก forget-me-not มีความหมายตรงตัวคือได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน
มาถึงดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราบ้างดอกทานตะวัน (sunflower) มีความหมายถึงความรักแบบคลั่งไคล้ ความรักแบบบูชา แต่สำหรับชาวตะวันตก ดอกทานตะวันจะหมายถึงความเข้มแข็งอดทน จึงสามารถใช้แทนความรักที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะได้ความรักมา
จะเห็นได้ว่าดอกไม้เป็นประดิษฐกรรมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้เป็นสื่อแทนความหมาย แห่งความรักได้หลายรูปแบบ การมอบดอกไม้ให้กับคนที่เรามีความรู้สึกพิเศษจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ... Vlentine นี้คุณมีดอกไม้ในใจที่จะให้คนที่คุณรักแล้วหรือยัง
ดอกไม้ประจำวันเกิด

สมัยโบราณเชื่อกันไว้ว่า ในแต่ละวันจะมีต้นไม้และดอกไม้ประจำวัน ซึ่งเชื่อกันว่า หากใครที่ปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ประจำวันเกิด แล้วต้นไม้หรือดอกไม้เจริญเติบโตได้ดี ชีวิตก็จะก้าวหน้า ร่างกายแข็งแรงหรือถ้าออกดอกเบ่งบาน เชื่อกันว่าจะมีความสุขความสมหวังเสมอ ตรงกันข้าม หากดอกไม้หรือต้นไม้เกิดเหี่ยวเฉาลงก็จะเป็นลางเตือนเจ้าของต้นไม้ ดอกไม้ได้เหมือนกัน หากว่าเธอคนนั้นเกิดวัน...
เธอที่เกิดวันอาทิตย์ ต้นไม้ประจำวันเกิดเป็น ต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิดเป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือลัน เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย
เธอที่เกิดวันจันทร์ ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี ดอกไม้ประจำวันเกิดคือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน
เธอที่เกิดวันอังคาร ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุขดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้
เธอที่เกิดวันพุธ ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพดอกไม้ประจำวันเกิดคือ คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชนิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน
เธอที่เกิดวันพฤหัสบดี เธอที่เกิดวันนี้ มีต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ
เธอที่เกิดวันศุกร์ ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้ที่ถูกแลกโชคดีของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือหรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง เธอที่เกิดวันเสาร์ จะมีต้นไม้พวก ตันกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด และดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว
สาระแน.คอม
บ้านน่าอยู่

หญิงกับทหาร

หญิงกับทหาร
ก็อาจจะเคยอ่านกันแล้วอ่านะ เราก็มะรุเหมือนกานแต่มันซึ้งมากๆใครยังไม่เคยอ่านก็มาอ่านกันนะงับ ^o^...ทหารหนุ่มแอบหลงรักเจ้าหญิงเลอโฉมเขาตระหนักถึงความสูงส่งของเธอเฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยของตนแต่เขายังรวบรวมความกล้าเดินเสี่ยงตายเข้าไปบอกเธอว่า " รัก "และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอ---ไม่ได้เจ้าหญิงผู้เป็นดวงใจตอบเขาว่าถ้าเขาสามารถรอคอยอยู่ใต้ระเบียงห้องเธอได้ติดต่อกัน 100 วัน 100 คืนเธอจะเป็นของเขาตลอดไปณ ใต้ระเบียงทหารหนุ่มเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้นวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่าโดยไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหนเขารอคอยในสายลมบาดผิวรอคอยในสายฝนกระหน่ำรอคอยในความเหน็บหนาวของหิมะวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่าโดยมีเจ้าหญิงของเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลาเธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพราวเป็นสายจนกระทั่งในคืนที่ 99ทหารหนุ่มหยุดร้องไห้หยุดรอคอย หยุดทุกอย่างไว้แล้วหันหลังเดินจากไปเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่มีบางคำถาม บางคำตอบในใจความรักของเธอกับเขาอาจจะเหมือนนาฬิกาทรายเมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดรักไปในใจอีกฝ่ายกลับรักขึ้นมาใหม่เต็มเปี่ยมแต่บางทีทหารหนุ่มอาจตั้งใจแค่แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอจริงแท้แค่ไหนแค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการ ครอบครองไว้หรือบางทีเขาอาจเสียใจ ต้องตัดใจจากไปเพราะรักเขาถูกทำร้ายย่ำยีหรือบางทีเป็นเจ้าหญิงเองที่เสียใจเพราะไม่เคยมีใครรักเธอได้อีกถึงเพียงนี้ !! ...
อย่า…อย่ามองข้ามใครคนนึงไปเพียงเพราะหาเหตุผลที่จะรักไม่ได้อย่า…ถามหาเหตุผลเมื่อจะรักใครแต่ให้ถามสัมผัสจากหัวใจ ว่ารู้สึกอย่างไรอย่า…มองหาความรักด้วยสายตาแต่ให้มองหาความรักด้วยหัวใจอย่า…เชื่อคำว่ารักที่ได้ยินจากหูทั้งสองแต่ให้เชื่อคำว่ารักที่ดังก้องมาจากความรู้สึกและส่วนลึกของหัวใจ
รักใครให้รักที่ตัวเค้านะครับ ความเชื่อมั่นและเชื่อใจในรัก ยังสำคัญที่สุดเสมอความรัก ถึงให้จนหมดแม้ชีวิตใช่ว่าจะเห็นคุณค่าเพราะคนที่ให้ กลับคนที่รับ รู้สึกและมองแตกต่างกันคนให้คิดว่าให้มากมาย แต่คนรับมักคิดว่าได้รับน้อยเสมอถ้าการให้นั้นรับรู้กันทั้ง 2 ทางว่าให้ในสิ่งที่คนรับต้องการนั้นถึงจะเห็นการให้แต่ถ้าให้ไปโดยไม่มีความต้องการรับ เหมือนไม่ได้ให้อะไรเลย
นิทานสอนใจ

เพราะพอจึงสุขใจ
มีช่างแกะสลักหินคนหนึ่งเป็นคนที่ไม่พอใจในตังเอง อยากเป็นโน่นเป็นนี่อยู่ร่ำไป วันหนึ่งเขาเดินผ่านบ้านเศรษฐีผู้มั่งคั่ง เห็นภายในบ้านของเศรษฐีมีสมบัติมากมายและมีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ เขาจึงคิดและอ้อนวอนต่อเทวดาว่าอยากจะเป็นเศรษฐี
เหมือนเทวดาดลใจหรือสวรรค์แกล้ง ทำให้ช่างแกะสลักหินมีมนต์วิเศษเกิดขึ้นในขณะนั้นทันที สามารถเนรมิตตัวเองให้เป็นอะไรก็ได้ตามใจต้องการ
วันหนึ่งเขาเห็นข้าราชการคนหนึ่งมีบริวารล้อมรอบจำนวนมาก ทุกคนต่างก้มหัวให้ข้าราชการคนนั้น ช่างแกสลักหินจึงเนรมิตตัวเองให้เป็นข้าราชการทันที แต่พอเดินไปสักระยะหนึ่งเขาก็เห็นว่าข้าราชการคนนั้นเป็นที่รังเกียจของคนรอบๆข้าง
ในขณะที่กำลังชื่นชมกับการเป็นข้าราชการอยู่นั้น เขาได้มองเห็นดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงลงมาสู่โลกด้วยพลังที่ร้อนแรงและน่าเกรงขาม ก็ต้องการที่จะเป็นดวงอาทิตย์ จึงเนรมิตตัวเองให้เป็นดวงอาทิตย์ในบัดดล
ในขณะที่กำลังเชยชมความทรงพลังแห่งแสงอาทิตย์ ก็มีกลุ่มเมฆลอยมาบดบัง เลยทำให้อยากเป็นเมฆขึ้นมา จึงเนรมิตตัวเองให้เป็นก้อนเมฆแทน พอได้เป็นก้อนเมฆและล่องลอยไปตามที่ใจต้องการ สักครู่ก็มีลมพัดมาสลายก้อนเมฆนั้น ความอยากจึงเปลี่ยนไปอยู่ที่ลม จึงเนรมิตตัวเองให้เป็นลมพัดพาทุกอยากตามที่ต้องการ
ขณะที่เป็นลมก็ได้เที่ยวพัดสางต่างๆตามความพอใจแต่พอพัดไปถูกสิ่งที่เรียกว่าก้อนหินเข้า กลับมีอาการเฉยๆ ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ทำให้อยากเป็นก้อนหิน จึงเนรมิตตัวเองให้เป็นก้อนหินทันที
ด้วยความรู้สึกหลงตัวเองในความแข็งแกร่งดั่งหินผา เขาหลงใหลได้ปลื้มกับการเป็นก้อนหินอยู่สักพัก ก็มีบางอย่างตอกลงมาที่ก้อนหินอย่างแรง เขาคิดว่าอะไรกันที่มีพลังขนาดที่ทำให้ก้อนหินสั่นสะเทือนได้ พอเห็นเข้าจังๆ ก็รู้ทันทีว่าสิ่งนั้นคือ.. “ช่างแกะสลักหิน”
ช่างแกะสลักหินที่อยากเป็นโน่นเป็นนี่อยู่ร่ำไป กลับคืนสติได้ และต้องการที่จะเป็นช่างแกะสลักหินตามเดิม ตั้งแต่บัดนั้นมา เขาก็ไม่ขวนขวายที่จะเป็นอะไรอีกเลย นอกจากความเป็นตัวของตัวเอง
ข้อคิด
การรู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสุขให้กับชีวิตเพราะความรู้จักคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเองนั้น เป็นเสมือนสิ่งที่ช่วยต่อยอดคุณค่าให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และดีงามกว่าเสมอ ดังนั้น การสร้างจุดเริ่มต้นด้วยความดีงามในใจของตน และการรู้จักความพอดีที่ตนสร้างให้เป็นความคุ้นเคยของชีวิต จึงเป็นสิ่งที่คนเราควรใฝ่หาเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีกับสิ่งที่อยู่ใกล้ และขยายเป็นความดีงามที่เกิดขึ้นจากการต่อยอดของเราในโอกาสต่อไป
นิทานธรรมะ

นานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งจะเดินทางจากจงหยวน (ลุ่มแม่น้ำฮวงโห)ไปยังรัฐฉู่(แม่น้ำแยงซีเกียง)เป็นที่รู้กันว่า รัฐฉู่นั้นอยู่ทางใต้ของลุ่มแม่น้ำฮวงโห แต่ชายคนนั้นกลับนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปทางเหนือ ในระหว่างเดินทางมีคนบอกเขาว่า "ท่านเดินทางผิดแล้ว จะไปรัฐฉู๋ต้องไปทางใต้ เหตุใดท่านจึงมุ่งสู่ทางเหนือเล่า??" ชายคนนั้นตอบว่า "ไม่เป็นไรหรอก ม้าของข้าพเจ้าดี ฝีเท้าจัด" "ไม่ว่าม้าของท่านจะดีหรือฝีเท้าจัดเพียงใด ถ้าเดินทางผิดทิศแล้วอย่างไรเสียก็ไปไม่ถึงรัฐฉู่ "แม้ท่านมีเงินมากมายก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก หากยังขืนไปตามทิศทางนี้ ก็ไม่มีวันถึงรัฐฉู่อย่างแน่นอน "ไม่เป็นไรหรอก คนขับรถม้าของข้าพเจ้ามีความชำนาญมาก" และชายคนนั้นก็เดินทางต่อไป ด้วยม้าฝีเท้าจัด ค่าเดินทางมากมายและคนขับรถม้าแนชำนาญของเขา เชื่อขนมกินได้เลยว่า มันยิ่งทำให้เขาเดินทางห่างไกลรัฐฉู่ออกไปทุกที นิทานเรื่องนี้ ถ้าอ่านอย่างธรรมดา ก็อาจกลายเป็นเรื่องเหลวไหลไปในทันที ว่าคนอะไรเดินผิดทิศผิดทางขนาดนี้ยังไม่ยอมสำนึก แต่หากเปรียบเทียบนิทางเรื่องนี้ กับเรื่องการบรรลุจุดหมาย คนเราส่วนใหญ่ ล้วนต้องการความสำเร็จ มุ่งหวังถึงชีวิตที่ดี แต่บ่อยครั้งเราเองกลับไม่ได้เดินไปยังหนทางที่จะพาไปสู่สิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงเลย
ยาเสพติด

ประเภทของยาเสพติด
จำแนกตามการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท แบ่งเป็น ๔ ประเภท
๑. ประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน ยานอนหลับ ยาระงับประสาท ยากล่อมประสาทเครื่องดื่มมึนเมา
ทุกชนิด รวมทั้ง สารระเหย เช่น ทินเนอร์ แล็กเกอร์ น้ำมันเบนซิน กาว เป็นต้น มักพบว่าผู้เสพติดมี ร่างกายซูบซีด ผอมเหลืองอ่อนเพลีย ฟุ้งซ่าน อารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่าย
๒. ประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ ยาบ้า ยาอี กระท่อม โคเคน มักพบว่าผู้เสพติดจะมีอาการ หงุดหงิด กระวนกระวาย จิตสับสนหวาดระแวง บางครั้งมีอาการคลุ้มคลั่ง หรือทำในสิ่งที่คนปกติ ไม่กล้าทำ เช่น ทำร้ายตนเอง หรือฆ่าผู้อื่น เป็นต้น
๓. ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี และ เห็ดขี้ควาย เป็นต้น ผู้เสพติดจะมีอาการประสาทหลอน ฝันเฟื่องเห็นแสงสีวิจิตรพิสดาร หูแว่ว ได้ยินเสียง ประหลาดหรือเห็นภาพหลอนที่น่าเกลียดน่ากลัว ควบคุมตนเองไม่ได้ ในที่สุดมักป่วยเป็น ๔. ประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน คือทั้งกระตุ้นกดและหลอนประสาทร่วมกันได้แก่ ผู้เสพติดมักมี อาการหวาดระแวง ความคิดสับสนเห็นภาพลวงตา หูแว่ว ควบคุมตนเองไม่ได้และป่วยเป็นโรคจิตได้โรคจิต
วันสงกรานต์


วันสงกรานต์
สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยประเพณีหนึ่งที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณคู่กับประเพณีตรุษ หรือที่เรียกกันรวม ๆ ว่าประเพณีตรุษสงกรานต์ ซึ่งหมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของไทยก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้วันที่ ๓๑ ธันวาคม เป็นวันส่งท้ายปีเก่า และวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
“ ตรุษ ” เป็นภาษาทมิฬ ใช้ในชนเผ่าหนึ่งทางอินเดียตอนใต้ แปลว่า ตัด หรือ ขาด คือตัดปี หรือขาดปี หมายถึง การสิ้นปีนั่นเอง ตามปกติการกำหนดวันตรุษหรือวันสิ้นปีจะถือหลักทางจันทรคติ (วิธีนับวันและเดือนโดยถือเอาการเดินของดวงจันทร์เป็นหลัก) คือวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
ส่วนคำว่า “สงกรานต์” เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือการเคลื่อนที่ย้ายที่ หมายถึง เวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่งทุก ๆ เดือน เรียกว่า สงกรานต์เดือน ยกเว้นเมื่อย้ายจากราศีมีนสู่ราศีเมษ ซึ่งเป็นสงกรานต์ปี จะเรียกชื่อพิเศษว่า “ มหาสงกรานต์” จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่โดยวิธีนับทางสุริยคติ (วิธีนับวันและเดือนโดยถือกำหนดตำแหน่งดวงอาทิตย์เป็นหลัก) ดังนั้นการกำหนดนับวันสงกรานต์จึงตกอยู่ในระหว่างวันที่ ๑๓, ๑๔ และ ๑๕ เมษายน ซึ่งทั้ง ๓ วันจะมีชื่อเรียกเฉพาะ ดังนี้ คือ
วันที่๑๓เมษายน
เรียกว่า มหาสงกรานต์ หมายถึงการที่ดวงอาทิตย์ก้าวขึ้นสู่ราศีเมษอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผ่านการเข้าสู่ราศีอื่นๆ แล้ว ครบ ๑๒ เดือน
วันที่ ๑๔ เมษายน
เรียกว่า วันเนา หมายถึง การที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าอยู่ราศีเมษประจำที่เรียบร้อยแล้ว
วันที่ ๑๕ เมษายน
เรียกว่า วันเถลิงศก หรือวันขึ้นศกคือวันที่เริ่มเปลี่ยนจุลศักราชใหม่การที่
กำหนดให้ อยู่ในวันนี้นั้นเพื่อให้แน่ใจได้ว่าดวงอาทิตย์ โคจรขาดจากราศีมีนขึ้นสู่
ราศีเมษแน่นอนแล้วอย่างน้อย ๑ องศา
สมุนไพรรักษาโรค


ขมิ้นชัน
Curcuma longa Linn. วงศ์ ZINGIBERACEAE ชื่อท้องถิ่น ขมิ้น (ทั่วไป) ขมิ้นแกง, ขมิ้นหยวก, ขมิ้นหัว (เชียงใหม่),หมิ้น (ภาคใต้) ลักษณะ พืชล้มลุกมีเหง้าอยู่ใต้ดินเนื้อในของเหง้า ขมิ้นชันสีเหลืองเข้มจนสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใบรูปเรียวยาว ปลายแหลมคล้ายใบพุทธรักษา ดอกออกเป็นช่อ มีก้านช่อแทงจากเหง้าโดยตรง ออกตรงกลางระหว่างใบคู่ในสุด ดอกสีขาว มีแถบสีเหลืองคาด มีกลีบประดับสีขาวหรือเขียวการปลูก ขมิ้นชันชอบอากาศค่อนข้างร้อน และมีความชุ่มชื้นในเวลากลางคืนชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี วิธีปลูกใช้เหง้าแก่ ที่อายุ 11-12 เดือน เป็นท่อนพันธุ์ เก็บใช้ในช่วงอายุ 9-10 เดือน ส่วนที่ใช้เป็นยา เหง้าสดและแห้งสรรพคุณยาไทยเหง้าของขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ลดการ อักเสบและ มีฤทธิ์ในการ ขับน้ำดี น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุดเสียด วิธีใช้ อาการแพ้อักเสบ แผล ฝีพุพอง แมลงสัตว์กัดต่อยภายนอก ใช้เหง้ายาวประมาณ 2 นิ้ว ฝนกับน้ำต้มสุกทาบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้ง หรือใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการ ผื่นคันจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ อาการ ท้องอืดท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียดและอาหารไม่ย่อย ใช้เหง้าขมิ้น ไม่ต้องปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแดดจัด ๆ สัก 1-2 วัน บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นเม็ดขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอนถ้ามีอาการท้องเสียให้หยุดยาทันทีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ กองวิจัยและพัฒนาสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ได้ศึกษาว่า ขมิ้นชันไม่มีพิษที่รุนแรง ทั้งในการใช้ระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์พบว่า น้ำมันหอมระเหย เป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยได้ทำการศึกษา ทดลองในโรงพยาบาลชุมชน 5 แห่ง และโรงพยาบาลทั่วไป 1 แห่ง ในผู้ป่วยที่มีอาการต่าง ๆได้แก่ ปวดแสบท้องเวลาหิว จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากมีลมในกระเพาะอาหารจุกเสียดท้อง เนื่องจากมีลมในกระเพาะอาหารและ ลำไส้ ผลจากการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ ผู้ป่วยที่ได้รับขมิ้นชันมีอาการดีขึ้น และไม่พบ ผลแทรกซ้อนในการใช้จากการศึกษานี้พอสรุปได้ว่า ขมิ้นชันมีประสิทธิภาพดีในการใช้ จึงสมควรที่จะเผยแพร่และพัฒนาเป็นยาต่อไป
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
พันธุ์ดอกไม้ไทย


![]() |
กรรณิการ์
| |
กระดังงาสงขลา
| |
| |
กาหลง
| |
กุหลาบ
![]() | ![]() |
| ||
ไม้ยืนต้น กำยาน

กำยาน
(อังกฤษ: Frankincense หรือ olibanum, อาหรับ: لبٌان) คือยางหอมที่ได้มาจากไม้สกุล “Boswellia” โดยเฉพาะ “Boswellia sacra” ที่ใช้ในการทำเครื่องหอม (incense) และน้ำหอม
กำยานได้มาจากต้น Boswellia โดยการขูดเปลือกต้นไม้และปล่อยให้ยางซึมออกมาและแข็งตัว ยางที่แข็งตัวนี้เรียกว่าน้ำตา ไม้พันธุ์นี้มีด้วยกันหลายสปีชีส์แต่ละสปีชีส์ก็ผลิตยางต่างชนิดกัน ขึ้นอยู่กับดินและอากาศคุณภาพของยางก็ต่างกันออกไปแม้แต่ในสปีชีส์เดียวกัน
ต้นกำยานถือกันเป็นพันธุ์ไม้ที่แปลกเพราะสามารถเจริญเติบโตได้ในภาวะสิ่ง แวดล้อมที่ไม่น่าจะขึ้นได้เช่นบางครั้งก็ดูเหมือนจะงอกออกมาจากหิน ต้นกำยานจะเริ่มออกยางเมื่ออายุราว 8 ถึง 10 ปี[1] การเก็บยางทำกันสองสามครั้งต่อปี ครั้งหลังสุดจะเป็นยางที่มีคุณภาพดีที่สุดเพราะมีอัตรา terpene, sesquiterpene และ diterpene ที่สูงขึ้นที่ทำให้หอมแรงขึ้น โดยทั่วไปแล้วยางยิ่งมีสีขุ่นเท่าไหร่ก็จะมีคุณภาพดีขึ้นเท่านั้น กำยานที่มาจากโอมาน[1 กล่าวกันว่าเป็นกำยานที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลกแต่กำยานที่มีคุณภาพดีก็มีที่เยเมนและทางฝั่งทะเลตอนเหนือของโซมาเลีย
จากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าต้นกำยานลดจำนวนลงเพราะการเก็บผลผลิต กันมากจนเกินควร การเก็บยางมากทำให้เมล็ดที่ออกมาเพาะขึ้นเพียง 16% เมื่อเปรียบเทียบกับต้นที่ไม่ได้เก็บยางก็จะเพาะขึ้นกว่า 80%
พืชผักสวนคร้ว
การปลูกพืชผักสวนครัว มีความสำคัญเป็นอันดับแรกของชีวิตประจำวัน เพราะใช้เป็นอาหารในครัวเรือนได้ดี ถ้าปลูกมากมีเหลือก็จำหน่ายได้ และสามารถยึดเป็นอาชีพได้ ขอให้มีความยึดมั่นในธรรมชาติ มีความขยัน และอดทน การปลูกพืชผักสวนครัวมีหลักปฏิบัติ 5 ประการ
- การเลือกเมล็ดพันธุ์
เมล็ดพันธุ์มีความจำเป็นในการเริ่มต้นในการเพาะปลูก จึงควรศึกษาเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี แข็งแรง ไม่เป็นโรคง่าย คัดสรรแล้วเก็บรักษาไว้อย่างดีก่อนปลูก - การเตรียมดิน
คุณภาพของดิน จะเป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโตของพืช การให้อาหารแก่ดินด้วยปุ๋ยชีวภาพจะทำให้ดินมีชีวิตและช่วยย่อยอินทรีย์วัตถุในดิน ให้ดินอุดมพร้อมแก่การเพาะปลูก- ถ้าดินแข็งมาก อาจใช้เครื่องจักรช่วยในการไถก่อน ยกแปลง - ดินขาดอินทรีย์วัตถุ ควรแหวะท้องหมู ใส่ปุ๋ยแห้ง และรดด้วยปุ๋ยน้ำ - ยกร่องให้สวยงาม โรยปุ๋ยแห้ง ตร.ม. ละ 1 กำมือ รดด้วยปุ๋ยน้ำ คลุมด้วยฟางไว้ 5-7 วัน ปลูกพืชด้วยเมล็ดหรือกล้า แปลงเก่า (ดินสมบูรณ์) หลังจากตัดผักหรือถอนผักออกแล้ว ถอนหญ้า ปรับปรุงแปลง (ไม่ต้องขุด) แล้วเริ่มต้นดังน - ใส่ปุ๋ยแห้ง ตร.ม.ละ 1-2 กำมือ ใช้จอบสับเบาๆ ให้คลุกกับดิน - คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง - รดด้วยปุ๋ยน้ำ 1-2 วัน - หมักไว้ 7 วัน ปลูกด้วยเมล็ดหรือกล้า - การปลูก
3.1 การปลูกด้วยเมล็ด - นำเมล็ดไปแช่ในน้ำจุลินทรีย์ ประมาณ 30 นาที หากผิวเมล็ดแข็งให้แช่นานหน่อย - แหวกหญ้าหรือฟางที่คลุมออก - ใช้ไม้กระดานหน้า 1/2 x 2 นิ้ว กดเป็นรอยลึก 1-2 เซนติเมตร - หยอดเมล็ดตามรอยที่กดไว้ - คลุมฟางเหมือนเดิม - รดน้ำเช้าเย็น - 2 วันแรกให้รดด้วยปุ๋ยน้ำช่วงเย็นวันละ 1 ครั้ง หลัง จากนั้น ให้รดปุ๋ยน้ำ 3 วัน / ครั้ง นอกนั้นรดน้ำปกติ 3.2 ปลูกด้วยกล้า การเพาะกล้ามี 2 ชนิด คือ เพาะด้วยกะบะ - อาจเป็นภาชนะสำเร็จรูป หรือใช้ไม้ 1/2 x 2 นิ้ว หรือวัสดุอื่น ทำเป็นกระบะขนาด 50 x 50 หรือ 50 x 70 หรือ 50 x 100 เซนติเมตร ให้สามารถยกย้ายและวางบนพื้นได้สะดวก - ผสมปุ๋ยแห้งกับดินร่วน แกลบเผา อัตราส่วน 1 : 5 : 3 ลงในกระบะ - หยอดเมล็ดหรือหว่านเมล็ดให้ทั่วอย่าให้แน่นเกินไป - คลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟางบางๆ - รดด้วยปุ๋ยน้ำให้ชุ่ม - จากนั้นรดน้ำ เช้า-เย็น - รดปุ๋ยน้ำช่วงเย็นติดต่อกัน 3 วัน หลังจากนั้นรดปุ๋ยน้ำ 3 วัน/ครั้ง การเพาะในแปลง - นำปุ๋ยแห้งและแกลบเผาผสมในดิน ในแปลง คลุกให้ทั่ว ทำหน้าดินให้ละเอียด - หยอดเมล็ด หรือ โรยเมล็ด - คลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟางแห้งบางๆ - รดปุ๋ยน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง - รดน้ำ เช้า - เย็น - 3 วันแรกรดปุ๋ยน้ำช่วงเย็นทุกวัน หลังจากนั้นรด 3 วัน/ครั้ง วันปกติรดน้ำธรรมดา - การดูแลรักษา
- ผักเกือบทุกชนิดเพาะกล้าก่อนปลูกจะดี เพราะถ้าให้ร่นระยะเวลาในการลงปลูก สามารถปลูกได้หลายรุ่น และดูแลรักษาง่ายยกเว้นพืชผักที่ย้ายกล้าไม่ได้ เช่น แครอท หัวผักกาด การปลูกด้วยกล้า ทำให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ได้ด้วย ดีกว่าปลูกด้วยเมล็ดแล้วต้องถอนทิ้งเมื่อผักแน่นเกินไป - ปกติจะใส่ปุ๋ยแห้งครั้งเดียว แต่ถ้าผักมีอายุยาวเกิน 50 วัน ให้สังเกตว่าผักไม่สวย ไม่สมบูรณ์ ก็ใส่ปุ๋ยแห้งได้ระหว่างแถว ไม่ให้ถูกต้นพืชผัก - การเตรียมแปลงดี ผักจะเจริญเติบโตเสมอกันทั้งแปลงผักต้นใดมีโรคให้งดน้ำ และรดด้วย EM สด ขยาย ผสมน้ำ 50 เท่า ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จึงให้น้ำต่อ - ผักมีหัวให้ขุดแปลงลึกๆ แหวะท้องหมูบ่อยๆ และใส่ปุ๋ยแห้งผสมให้ดี - การรดน้ำ ควรใช้บัวรดน้ำรูเล็กๆ ให้เป็นฝอยได้มากเท่าไรยิ่งดี - ไม่ควรรดน้ำด้วยสายยางที่น้ำพุ่งแรงๆ จะทำให้ผักนอนราบ โดยเฉพาะผักกาดขาวจะห่อใบยาวขึ้นหากถูกน้ำซัดแรงๆ ทุกวัน - พ่นด้วยสารไล่ศัตรูพืช หรือ สารป้องกันเชื้อรา ทุกๆ 3 วัน ข้อสังเกตุ เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชโดยธรรมชาติ ควรปลูกผักกาดหอม ผักชีใบแหลม ปนกับผักอื่นๆ ปลูกต้นดาวเรือง ตะไคร้หอม ผกากรองไว้เป็นรั้ว และใช้ใบตะไคร้หอมมาคลุมแปลงผักจะป้องกันแมลงรบกวนได้ด้วย - การเก็บผลผลิต - การจำหน่าย
การเก็บผลผลิตควรดำเนินไปตามอายุของผักแต่ละประเภท และหาก ปลูกโดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพดังกล่าวข้างต้น ควรเก็บก่อนกำหนด เล็กน้อยเพราะ - ผักธรรมชาติเจริญเติบโตเร็ว - ร่นระยะเวลาปลูก ลดแรงงาน และรายจ่าย - หากเก็บช้าหรือเกินอายุทำให้ผักมีภูมิต้านทานต่ำเกิดโรคได้ - การเก็บควรใช้วิธีตัด ยกเว้นผักหัวใช้ถอน - ผักที่เป็นผลควรเก็บอย่างปราณีต เพื่อให้โอกาสเกิดผลใหม่อีก เช่น ถั่ว แตง - ผักทั่วไปเก็บแล้วล้างให้สะอาด บรรจุถุงเพื่อจำหน่าย - ผักที่เป็นฝัก เช่น ถั่ว เก็บแล้วไม่ต้องล้าง ไม่ต้องพรมน้ำ
ข้อควรจำ
- ผักธรรมชาติทนทาน ขั้วไม่หลุดง่าย เหี่ยวยาก
- ไม่ต้องแช่สารเคมี
- น้ำพรมผักหรือแช่ผักควรผสม EM ด้วย
- ไม่ควรนำผลผลิตไปขายร่วมกับแผงผักเคมี จะทำให้เสียคุณภาพ ควรเปิดแผงผักปลอดสารพิษหรือผักธรรมชาติ เพื่อสะดวกต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภค สามารถรับรองคุณภาพและสามารถกำหนดราคาได้ดีในอนาคต
ช่วงที่เหมาะสมในการปลูกพืชผัก
กุมภาพันธ์ - เมษายน
- ผักชี หอม ผักบุ้งจีน ผักกาดหัว ถั่วฝักยาว แตงกวา มะระ ผักกาดเขียวปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาว
พฤษภาคม - กรกฎาคม
- ผักคะน้า กุยช่าย บวบเหลี่ยม ข้าวโพดหวาน หอมแดง
สิงหาคม - ตุลาคม(ปลายฝน)
- ผักชีลาว ผักโขม กุยช่าย ผักกาดขาว ผักกาดหอม พริก มะเขือเปราะ มะเขือยาว
ปลูกได้ทั้งปี
- ผักสวนครัวต่างๆ เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ โหระพา แมงลัก ฯลฯ
หลักการทำงานคอมพิวเตอร์
1. หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
ทําหน้าที่ในการรับข้อมูลหรือคําสั่งจากภายนอกเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจํา เพื่อเตรียมประมวลผล
ข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการนําข้อมูลที่ใช้กันอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น มีอยู่หลายประเภทด้วย
กันสําหรับอุปกรณ์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี ดังต่อไปนี้
- Keyboard
- Mouse
- Disk Drive
- Hard Drive
- CD-Rom
- Magnetic Tape
- Card Reader
- Scanner
2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit)
ทํ าหน้าที่ในการคํานวณและประมวลผล แบ่งออกเป็น 2 หน่วยย่อย คือ
- หน่วยควบคุม ทําหน้าที่ในการดูแล ควบคุมลําดับขั้นตอนของการประมวลผล และการทํางาน
ของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในหน่วยประมวลผลกลาง และช่วยประสานงานระหว่างหน่วยประมวลผลกลาง กับ
อุปกรณ์นําเข้าข้อมูล อุปกรณ์ในการแสดงผล และหน่วยความจําสํารอง
- หน่วยคํานวณและตรรก ทําหน้าที่ในการคํานวณและเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ ที่ส่งมาจาก
หน่วยควบคุม และหน่วยความจํา
3. หน่วยความจํ า (Memory)
ทําหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือคําสั่งต่างๆ ที่รับจากภายนอกเข้ามาเก็บไว้ เพื่อประมวลผลและยัง
เก็บผลที่ได้จากการประมวลผลไว้เพื่อแสดงผลอีกด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น
หน่วยความจํา เป็นหน่วยความจําที่มีอยู่ ในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ทําหน้าที่ในการเก็บคําสั่ง
หรือข้อมูล แบ่งออกเป็น
- ROM หน่วยความจําแบบถาวร
- RAM หน่วยความจําแบบชั่วคราว
- หน่วยความจําสํารอง เป็นหน่วยความจําที่อยู่นอกเครื่อง มีหน้าที่ช่วยให้หน่วยความจําหลัก
สามารถเก็บ ข้อมูลได้มากขึ้น
4. หน่วยแสดงผล (Output Unit)
ทําหน้าที่ในการแสดงผลลัทธ์ที่ได้หลังจากการคํานวณและประมวลผล สําหรับอุปกรณ์ที่ ทําหน้าที่
ในการแสดงผลข้อมูลที่ได้นั้นมีต่อไปนี้
- Monitor จอภาพ
- Printer เครื่องพิมพ.
- Plotter เครื่องพิมพ์ที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการลงกระดาษ
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552
คอมพิวเตอร์
ลักษณะทางกายภาพของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลากหลาย มีทั้งขนาดที่ใหญ่มากจนต้องใช้ห้องทั้งห้องในการบรรจุ และขนาดเล็กจนวางได้บนฝ่ามือ การจัดแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์สามารถจัดแบ่งได้ตามขนาดทางกายภาพเป็นสำคัญ ซึ่งมักจะแปลผันกับประสิทธิภาพความเร็วในการประมวลผล โดยขนาดคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ใช้กับการคำนวณผลทางวิทยาศาสตร์ ขนาดรองลงมาเรียกว่า เมนเฟรม มักใชัในบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องมีการประมวลผลธุรกรรมทางธุรกิจจำนวนมากๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ในระดับบุคคลเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่พกพาได้เรียกว่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ส่วนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถวางบนฝ่ามือได้เรียกว่า พีดีเอ อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์มีใช้กันอย่างกว้างขวางมาก ซึ่งมีอุปกรณ์หลายๆชนิดได้นำคอมพิวเตอร์ไปใช้เป็นกลไกหลักในการทำงาน เช่น กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเอ็มพีสาม หรือในรถยนต์เองก็มีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ช่วยในการตรวจสอบระบบการทำงานของเครื่องยนต์
ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์โดยรวมแล้ววัดกันที่ความเร็วการประมวลผล ซึ่งตามกฏของมัวร์ (Moore's Law) คอมพิวเตอร์จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าทวีคูณในทุกปี
รักพ่อแค่นี้ ได้ไง
************************************************************************************ พ่อเปรียบเหมือนต้นไทรในป่ากว้างผลิใบสร้างดอกไม้ให้กลิ่นหอมมีต้นไม้ต้นเล็กเล็กขึ้นห้อมล้อมต้นไทรใหญ่นั้นยอมบังแดดลมเมื่อใดหนอต้นไม้น้อยจะสูงใหญ่แตกดอกใบกว้างไพศาลแสนสวยสมต้นไทรใหญ่ก็หวังจะได้เชยชมก่อนที่จะโค่นล้มตายจากไป
***************************************************************************************
เหงื่อหยาดเพียงหนึ่งหยด รินหลั่งรดพสุธาพฤกไพรและไร่นา ฟื้นชีวาชุ่มชื่นใจเพียงหนึ่งซึ่งไฝ่หา แหล่งคงคาธาราใสเพื่อผองพี่น้องไทย มิใช่ใครพ่อแผ่นดิน
***************************************************************************************
สิบเก้ากุมภาปีห้าสองลูกร่ำร้องโศกเศร้าเหงาโหยหาพ่อต้องจากลูกไปไม่กลับมาโอ้พ่อจ๋าลูกสุดคิดจะติดตามได้สัมผัสตัวพ่อก็เพียงร่างน้ำตาหลั่งด้วยพันผูกใจลูกหวามเคยรับใช้ใกล้ชิดเคยติดตามทุกๆยามมีพ่อไม่ท้อใจแม้อดหลับอดนอนพักผ่อนน้อยแม้ต้องคอยดูแลมากแค่ไหนแม้จะต้องดร็อปเรียนมาดูใจก็แทนคุณพ่อได้ไม่เคยพอให้ชีวิตและเกื้อหนุนพระคุณล้ำพ่อป้อนน้ำป้อนข้าวเท่าไหร่หนอยามลูกเจ็บลูกเศร้าพะเน้าพะนอพระคุณพ่อยิ่งใหญ่หาใครแทนวันพ่อจากลูกไปทุกข์ใหญ่หลวงเจ็บปวดร้าวในทรวงเศร้าหวงแหนทุกข์นี้ทุกข์กว่าทุกข์ใดในดินแดนลูกคับแค้นร้าวรานปานสิ้นลมหวังให้พ่อลูกตื่นฟื้นชีวิตหวังใกล้ชิดพ่ออีกครั้งช่างสุขสมหวังให้พ่อยิ้มให้ได้ชื่นชมหวังลมลมสะอื้นขมขื่นใจปีสามเดือนนอนทุกข์ลูกรับรู้ว่าพ่อหนูทรมานสักปานไหนพ่อต้องเจ็บร้าวรวดปวดใจกายมะเร็งร้ายรุมเร้าเข้ากายาหลับเถิดพ่อเจ็บเกินทนได้พ้นทุกข์พ่อของลูกทรมานนานหนักหนาเกิดชาตินี้มีกรรมจำจากลาขอชาติหน้าเกิดเป็นลูกทุกชาติไป
*************************************************************************************
กีฬาที่หน้า ออกกำลังกาย
.
ชี้หากร่างกายขาดน้ำนาน ทำหน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะได้ง่ายกว่าปกติ
ในขณะออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา การทำงานของกล้ามเนื้อทำให้เกิดความร้อน อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ จึงต้องมีการระบายความร้อน ซึ่งออกมาในรูปแบบของเหงื่อ และเหงื่อนี่เองคือรูปแบบการระบายความร้อนอย่างหนึ่ง การออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลานานอาจทำให้มีการสูญเสียน้ำจำนวนมาก และการออกกำลังกายในบางสภาวะ เช่น ในสภาพอากาศร้อนและแห้ง เราอาจมีการเสียน้ำจำนวนมากโดยไม่รู้ตัว หากไม่ได้น้ำเข้าไปทดแทนอย่างเพียงพอ จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และอาจเกิดอาการดังต่อไปนี้ กระหายน้ำ ปากแห้ง หอบ เหนื่อย หน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะ
นอกจากนี้ ความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดอาการ เช่น เป็นตะคริว หมดแรง หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ หมดสติ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น ในการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ควรใส่ใจเรื่องการดื่มน้ำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยมีข้อแนะนำดังนี้ ดื่มน้ำ 400-600 มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง ดื่มน้ำ 150-350 มิลลิลิตร ทุก 15-20 นาที ขณะออกกำลังกาย และควรดื่มน้ำตามเวลาที่กำหนด อย่ารอให้รู้สึกกระหายน้ำ
น้ำมีหน้าที่อย่างไรบ้างกับร่างกาย
ก่อนอื่นเรามาทราบถึงหน้าที่ๆ สำคัญของน้ำกันก่อน น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อร่างกายมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ ถ้าร่างกายขาดน้ำเราไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หน้าที่ๆ สำคัญของน้ำ คือ การช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับปกติเป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อ (75% ของกล้ามเนื้อมีน้ำเป็นองค์ประกอบ) และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายรวมไปถึงเลือดด้วย น้ำจะเป็นตัวช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย ถ้าร่างกายขาดน้ำจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อลดลง ซึ่งจะมีผลทำให้เราออกกำลังกายได้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น เราจะพบว่าการออกกำลังกายจะทำได้ยาก แม้แต่ในระดับเบาๆ (Low intensity workouts)
ข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการดื่มน้ำ
- ก่อนออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำ 8-16 ออนซ์ (1-2 แก้ว) และถ้าเป็นไปได้ดื่มน้ำอีกครั้งช่วง 15-30 นาทีก่อนออกกำลังกาย สักประมาณ 8 ออนซ์ (1 แก้ว)- ขณะออกกำลังกายทุกๆ 10-15 นาที พักดื่มน้ำ 4-8 ออนซ์ (1/2-1 แก้ว)- หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง ให้ดื่มน้ำ 16-24 ออนซ์ (2-3 แก้ว) ไม่ว่าท่านจะรู้สึกกระหายน้ำหรือไม่ก็ตาม- อย่าปล่อยให้ตัวเองออกกำลังกายจนรู้สึกกระหายน้ำ แล้วค่อยดื่มน้ำ เพราะเมื่อท่านรู้สึกว่าเริ่มกระหายน้ำเมื่อไหร่ แสดงว่าร่างกายท่านกำลังจะเข้าสู่สภาวะ dehydration ซึ่งจะเป็นอันตรายได้
บางทีเราอาจใช้การชั่งน้ำหนักตัวก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพื่อคำนวณหาปริมาณน้ำที่สูญเสียไป ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าน้ำหนักตัวที่หายไปหลังจากออกกำลังกาย เป็นน้ำหนักของไขมันที่ถูกเผาผลาญออกไปในช่วงนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นน้ำหนักของน้ำที่ร่างกายสูญเสียออกมาทางเหงื่อมากกว่า โดยคิดเทียบจากหลักดังนี้ ขณะออกกำลังกายหากร่างกายเราขับเหงื่อออกมาประมาณ 0.5 ลิตร ก็จะทำให้น้ำหนักตัวเราลดลงไปประมาณ 0.45 กิโลกรัม แล้วในทุกๆ 0.45 กิโลกรัม ที่หายไปนั้นเราควรจะดื่มน้ำเข้าไปทดแทนประมาณ 16 ออนซ์ (2 แก้ว)
การดื่มน้ำขอเน้นย้ำว่าให้ค่อยๆ ดื่ม ไม่ใช่ดื่มรวดเดียว น้ำที่ดื่มก็ควรจะเป็นน้ำเปล่าที่เย็นแต่ไม่ถึงกับเย็นจัด ซึ่งอันนี้จะดีกว่าน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิปกติ เพราะน้ำเย็นจะถูกดูดซึมได้ง่ายและเร็วกว่า แต่ถ้าหากท่านออกกำลังกายติดต่อกันนานเกินกว่า 60 นาทีขึ้นไป ร่างกายจะมีการสูญเสียเกลือแร่มาก ซึ่งเกลือแร่เหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้ตามปกติ การดื่มน้ำเปล่าเพียวๆ อย่างเดียวก็คงจะไม่เพียงพอแล้วเราคงจะต้องหาน้ำดื่มที่ผสมเกลือแร่ หรือที่เรารู้จักในชื่อของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง (sports drink) ชนิดต่างๆ ที่ขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
สวนสาธารณะ...น่าไปพักผ่อน
นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ อีกหลายแห่ง ในความดูแลของกองสวนสาธารณะกรุงเทพฯ ได้แก่ สวนลุมพินี สวนจตุจักร สวนสราญรมย์ สวนธนบุรีรมย์ สวนรมณียนาถ และอุทยานเบญจศิริ ซึ่งมีสนามหญ้า และต้นไม้ร่มรื่น เปิดให้ประชาชนเข้าพักผ่อนหย่อนใจได้ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. ทุกวัน
อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตั้งอยู่ที่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา ซอย 3 เขตคลองสาน จัดเป็นสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ ในบริเวณชุมชนวัดอนงคารามซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ภายในมีอาคารพิพิธภัณฑ์ 2 หลัง จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประวัติชุมชนวัดอนงคาราม พระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตร และงานฝีพระหัตถ์ของสมเด็จย่า อุทยานฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. โทร. 437-7799, 439-0902 และ 439-0896
กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--กทม.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 พ.ค.48 เวลา 14.00 น.) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการการก่อสร้างสวนสาธารณะสนามหลวง 2 เขตทวีวัฒนา ซึ่งเป็นหนึ่งใน โครงการ 10 สวนสวย 10 คลองใส 10 ถนนสะอาด ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบให้แก่ชาว กทม.เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ปี 48 ภายใต้โครงการหลัก "กรุงเทพฯบ้านเราใสสะอาด" โดยเกิดขึ้นตามนโยบายของผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหารที่ต้องการให้กทม.เป็นมหานครแห่งความสดใส สวยงาม และสะอาด โดยได้เร่งดำเนินการปรับปรุงสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มแหล่งพื้นที่สีเขียว และเพื่อให้ประชาชนได้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมของกทม. ที่มีความสดใส สวยงาม เป็นระเบียบ และสะอาดขึ้นอย่างอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม
การสร้างสวนสาธารณะตามโครงการ 10 สวนสวย ประกอบด้วยสวนต่าง ๆ ได้แก่ สวนป่าทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง สวนเฉลิมพระเกียรติเกียกกาย เขตดุสิต สวนมหาดไทย เขตประเวศ สวนใต้ทางด่วนพระราม 9 ประดิษฐ์มนูธรรม เขตห้วยขวาง สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน สวนบริเวณทางต่างระดับกัลปพฤกษ์ กาญจนาภิเษก เขตบางแค สวนบริเวณทาง ต่างระดับกัลปพฤกษ์ ราชพฤกษ์ เขตจอมทอง ภาษีเจริญ สวน 60 พรรษามหาราชินี เขตลาดกระบัง สวนบึงลำพังพวย เขตบึงกุ่ม และสนามหลวง 2 เขตทวีวัฒนา
สวนสาธารณะสนามหลวง 2 แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณถ.เลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา มีพื้นที่ประมาณ 54 ไร่ กทม.โดยสำนักสวัสดิการสังคมได้ดำเนินการจ้างเหมาบริษัทเอกชนเพื่อทำการถมดิน ปรับสภาพพื้นที่ ปลูกต้นไม้ ปูหญ้า สร้างทางเดิน-วิ่ง ลานกีฬา สนามเด็กเล่น ลานอเนกประสงค์ สวนสุขภาพ รวมทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามคลองทางเชื่อมกับสวนมะพร้าวเดิม พร้อมติดตั้งระบบสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการกับประชาชนได้ภายในเดือนส.ค.นี้--จบ--
อาหาร ที่อร่อย
แพมิตรสัมพันธ์ในสมัยก่อนเป็นที่รู้จักกันดีของนักตกปลา เนื่องจากคุณลุงที่เป็นเจ้าของร้านจัดได้ว่าเป็นพรานเบ็ดอันดับต้นๆเหนือทะเลสาบแห่งนี้ นักตกปลาจากทั่วเมืองไทยต่างมาหาคุณลุง เมื่อตกปลาแล้วก็ต้องนำมากิน ร้านนี้ก็เป็นปลายทางให้มาทำอาหารกินกัน นับวันนับคืนทำให้แพมิตรสัมพันธ์มีชื่อเสียงทางด้านอาหารมากขึ้นๆ ตลอดเวลา
เจ้าของร้านเล่าให้เราฟังอีกว่า "สมัยก่อนที่นี่มีปลาสร้อยจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกิน พี่ก็จึงนำมาทำเป็นปลาสร้อยแดดเดียวซะเลย ไปส่งประกวดเรื่องอาหารในนามของสังขละ จนได้รางวัล ทุกวันนี้ปลาสร้อยแดดเดียวกลายเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อไปแล้ว จากปลาที่ทิ้งๆขว้างๆ ก็ทำให้มีราคาขึ้นมา เป็นความภูมิใจของพี่มาถึงทุกวันนี้" เราฟังพี่แกเล่าก็รู้สึกปลื้มใจตามไปด้วย และก็อยากกินอย่างมาก แต่วันนี้หมดเสียแล้วจึงอดไปตามระเบียบครับ
เอาล่ะครับเรามาเข้าเรื่องอาหารแนะนำของร้านนี้กันดีกว่า จานแรกที่แนะนำคือ "ต้มยำปลากด" เนื่องจากปลากดที่มีจำนวนมากมาเที่ยวสังขละก็จึงต้องกินให้ได้ อาหารจากปลากดก็มีปลาลวกจิ้ม ผัดฉ่า แต่หมูหินแนะนำให้กินต้มยำปลากด เพราะร้านนี้เขาทำได้อร่อยมาก รสจัดลงตัว จะกินแก้มเหล้า หรือกินกับข้าวก็สุดยอดทั้งนั้น ถ้าจะให้ดีนะ เวลาเราขับรถมาจากเมืองกาญจนบุรี มาสังขละบุรี พอผ่านป้อมปี่มานิดนึง จะมีร้านขายปลาสดๆ ก็ซื้อมาให้พี่แกทำให้ก็ได้ เสน่ห์ของการซื้อปลามาเองก็คือเราสามารถเลือกกินตัวใหญ่ยังงัยก็ได้เท่าที่เราต้องการ
จานต่อไปที่ขอแนะนำคือ "แกงพริกกระเหรี่ยงลูกชิ้นปลากราย" ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน้ำพริกกระเหรี่ยง ดังนั้นเผ็ดแน่นอนครับท่าน ด้วยฝีมือการแกงแบบมืออาชีพของเจ้าของเข้าครัวเอง ใส่เครื่องเคียงครบสูตร ทั้งพริกกระเหรี่ยง พริกสด มะเขือเหลือง ลูกชิ้นปลากลายที่ขูดเองทำเอง เหนียวนุ่มไม่เจือแป้งให้ลิ้นงง ทำให้จานนี้อร่อยๆแบบสุดๆ หาที่ติมิได้เลยครับ เวลากินก็ตักพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หันหน้ามองทะเลสาบไปด้วยสุดยอดไปเลยครับ
จานต่อไปที่ต้องแนะนำคือ "ยำผักหวานบ้าน" ถึงแม้จะแนะนำร้านครัวผักหวานไปแล้วก็ตาม ยังงัยร้านนี้ก็ยังคงต้องแนะนำยำผักหวานอีกครั้งอยู่ดี เนื่องจากการยำของแต่ละร้านก็มีสูตรจำเพาะของตัวเอง ร้านนี้ก็เช่นกัน เขามีไข่ต้ม เม็ดมะม่วงหิมะพาน อีกทั้งยังยำออกรสจัดเปรี้ยวพอดิบพอดีที่ลืมไปลงครับ จานนี้ก็ห้ามพลาดอีกแล้วครับท่าน
เคล็ดลับที่หมูหินแนะนำ: สำหรับคนที่ไม่ชอบกินเบียร์เพราะว่าทำให้ท้องอืดบ้าง อ้วนบ้าง คนที่ไม่ชอบกินเหล้าเพราะกลัวเมา หรือขวดใหญ่กว่าจะหมดก็หลายวัน หมูหินขอแนะนำ "ไวน์มะเม่า" ไวน์มะเม่ามีสองแบบที่ขายที่ร้านนี้คือแบบหวานและไม่หวาน แนะนำให้เลือกแบบไม่หวาน มาดื่มเรียกน้ำย่อยกันก่อนสักคนละแก้วสองแก้ว รับรองว่ามื้อนี้จะเป็นมื้อสุดยอดที่คุณจะลืมไปลงเลยครับท่าน
นอกจากอาหารอร่อยแล้วพี่เขายังมีบริการอื่นๆด้วย พวกแพลาก ตกปลา และห้องแพพัก ใครมาเยือนสังขละบุรีก็ลองย่องๆ มากินกันนะครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน แล้วเจอกันใหม่นะ เอไปเที่ยวไหนต่อดีหว่า.... หมูหิน.คอม คิดจะที่ยวเว็บเดียวก็พอ ตามเราต่อไปนนะครับท่าน
วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ท่องเที่ยว
น้ำตกผาตาด
น้ำตกผาตาด(กาญจนบุรี)
น้ำตกผาตาด เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ แต่สามารถเดินทางเข้าถึงได้โดยใช้เส้นทางสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ทางหลวง 323 ถึงกิโลเมตรที่ 105 จะมีทางแยกขวาไปอีก 9 กิโลเมตร ทางลาดยางตลอดสาย จะมีน้ำมากในช่วงปลายฤดูฝน สายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง จะไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นหินปูนที่มีต้นไม้ให้ร่มเงาขึ้นอยู่ทั่วไปบริเวณน้ำตกก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม(กาญจนบุรี)
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณป่าเขาและอ่างเก็บน้ำเขื่อนเขาแหลม เป็นพื้นที่ ประมาณ 815 ตารางกิโลเมตร นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามของอ่างเก็บน้ำแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีก ได้แก่ น้ำตกเกริงกระเวีย และ น้ำตกไดช่องถ่อง
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง(ประจวบคีรีขันธ์)
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง มีพื้นที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง อำเภอทับสะแก และอำเภอบางสะพาน รวมทั้งสิ้น 100,625 ไร่ เป็นป่าบนเทือกเขาตะนาวศรี ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่บริเวณน้ำตกห้วยยาง เดินทางจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ตามถนนเพชรเกษมถึงกม.ที่ 350-351 มีทางแยกเข้าที่ทำการอุทยาน ฯ อีกประมาณ 7 กม. น้ำตกห้วยยางเป็นน้ำตกขนาดเล็กมี 5 ชั้น สภาพบริเวณร่มรื่นน่าพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีน้ำตกขาอ่อน และน้ำตกห้วยหินดาษ แต่การเดินทางยังไม่สะดวกนักได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2534 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร.5790529 , 5794842
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว(เพชรบูรณ์)
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีเนื้อที่ประมาณ 603,750 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 อยู่ในท้องที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดชัยภูมิ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำ หลายสาย เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย มีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น กระทิง ช้าง กวาง เก้ง หมาใน เสือ
สำหรับแม่แค่นี้ก็ยังไง
เลี้ยงมาจนโต
ฉันรักแม่มาก
ฉันจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้
เป็นคนดีของแม่ ตั้งใจเรียนเพื่อทดแทนบุญคุณของ พ่อแม่
แนะนำตัว
ชั้นม.5/3 เลขที่ 35
อยู่โรงเรียน อาเวมารีอา
ครูผู้สอน วีระชน ไพสาทย์
คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด